Krungthai COMPASS วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจเม็ดพลาสติกไทย (ที่มา ไทยพับลิก้า)

16 มกราคม 2568

Krungthai COMPASS วิเคราะห์แนวโน้มธุรกิจเม็ดพลาสติกไทย โดยคาดว่าในปี 2568-2569 ปริมาณการจำหน่ายเม็ดพลาสติกทั้งในประเทศและการส่งออกจะอยู่ที่ประมาณ 10-11 ล้านตันต่อปี ซึ่งลดลงประมาณ 15% เมื่อเทียบกับช่วงปี 2560-2562

ปัจจัยหลักที่กดดันธุรกิจเม็ดพลาสติกไทย ได้แก่:

1. ความต้องการใช้เม็ดพลาสติกในอุตสาหกรรมยานยนต์ลดลง ตามการผลิตรถยนต์ที่ชะลอตัว

2. การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าจีน เนื่องจากปัญหากำลังการผลิตล้นเกิน (Overcapacity)

3. ความรุนแรงของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่อาจเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อเม็ดพลาสติกไทยที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน

นอกจากนี้ ยังมีแรงกดดันด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ที่เข้มงวดขึ้น เช่น มาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป และมาตรฐาน Thailand Taxonomy ซึ่งอาจเพิ่มต้นทุนและลดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย

Krungthai COMPASS แนะนำให้ผู้ประกอบการไทยปรับตัวโดย:

- เพิ่มสัดส่วนการผลิตเม็ดพลาสติกชีวภาพและเม็ดพลาสติกรีไซเคิล รวมถึงเม็ดพลาสติกเกรดพิเศษสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตเฉลี่ยสูงถึงปีละ 9.5% และ 13.5% ตามลำดับ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคากับเม็ดพลาสติกทั่วไป และเสริมความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว

- ติดตั้งเทคโนโลยีการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCUS) เพื่อช่วยลดแรงกดดันด้าน ESG และสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) ภายในปี 2593

ธุรกิจเม็ดพลาสติกมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยในปี 2566 มีมูลค่ารวม 1.28 ล้านล้านบาท หรือประมาณ 7% ของ GDP และไทยยังเป็นผู้ส่งออกเม็ดพลาสติกอันดับที่ 12 ของโลก และอันดับที่ 2 ในอาเซียน รองจากสิงคโปร์

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจนี้กำลังเผชิญกับความท้าทายจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากสินค้าจีน และแรงกดดันจากมาตรการด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดมากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อรายได้และกำไรของธุรกิจเม็ดพลาสติกไทยในอนาคต

ที่มา : https://thaipublica.org/2025/01/krungthai-compass-trends-in-thai-plastic-pellet-business/