รัฐบาลผนึกเอกชนผุดโรงกำจัดขยะ เทคโนโลยีใหม่ ทดแทนโรงอ่อนนุชหมดสัญญาปี 69 (ที่มา Post Today)

10 มีนาคม 2568

กทม. เตรียมพร้อมรับมือสัญญาโรงขยะอ่อนนุชหมดปี 69 ผนึกเอกชนผุดโรงกำจัดขยะด้วยเทคโนโลยีใหม่ แก้ปัญหากลิ่นเหม็น

นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ตอบกระทู้ถามเรื่องปัญหากลิ่นเหม็นจากศูนย์กำจัดมูลฝอยอ่อนนุช ของนายณัฐพงศ์ เปรมพูลสวัสดิ์ สส.ประชาชน 

เรื่องการเตรียมความพร้อมหากในปี 2569 นี้ สัญญาโรงงานกำจัดขยะจะสิ้นสุดลง 2 สัญญาว่า 

ภาครัฐได้เตรียมความพร้อมรับมือปัญหาดังกล่าวแล้ว ด้วยการร่วมมือกับเอกชนเตรียมโรงกำจัดขยะมูลฝอยแห่งใหม่ ทดแทนโรงเดิมที่หมดสัญญา

โดยสามารถกำจัดขยะได้ 1,000-1,600 ตันต่อวัน รวมทั้งยังมีแนวคิดจะนำขยะจากศูนย์อ่อนนุชไปกำจัดทำลายนอกพื้นที่อย่างถูกสุขลักษณะ และปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่าปัจจุบันกรุงเทพมหานคร มีขยะที่ต้องกำจัดจำนวน 9,500 ตันต่อวัน

โดยส่งไปที่ศูนย์อ่อนนุช 4,000 ตัน ศูนย์หนองแขม 3,500 ตัน และศูนย์สายไหม 2,000 ตันต่อวัน โดยใช้วิธีฝังกลบตามหลักสุขาภิบาล

ซึ่งตามสัญญาว่าจ้างแล้ว ปัจจุบันมีสัญญาว่าจ้างโรงงานกำจัดขยะจำนวนทั้งสิ้น 10 สัญญา แต่ในอนาคตอันใกล้จะมี 2 สัญญา ที่จะหมดสัญญาในปี 2569 

จึงเป็นที่มาของคำถามว่า ถ้าหมดสัญญาแล้ว กทม.จะทำอย่างไรนั้น

โรงกำจัดขยะ 2 สัญญา ถ้าหมดสัญญาไปแล้ว ก็จะมีแนวโน้มว่า เราจะมีการก่อสร้างโรงกำจัดมูลฝอยโดยใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ขึ้นมา 

โดยจะต้องใช้สารจุลลินทรีย์ หรือห้องความกดอากาศไม่ให้กลิ่นขยะออกไป ซึ่งจะต้องมีการลงทุนเพิ่มเติม

ซึ่งในขณะนี้ได้มีเอกชนเข้ามาร่วมทำเตาเผามูลฝอยในโครงการจ้างเหมาเอกชนด้วยระบบเตาเผาขยะมูลฝอย 1,000 ตัน/วัน  หรือสูงสุดได้ถึง 1,600 ตัน/วัน

ดังนั้น ภายหลังโรงขยะหมดสัญญา ก็จะสามารถใช้โรงขยะนี้รองรับ และยังมีแนวคิดศึกษาที่จะขนขยะจากภายในศูนย์กำจัดขยะอ่อนนุช

ไปต่างจังหวัดเพื่อไปผ่านกรรมวิธีกำจัดขยะได้อย่างมีประสิทธิภาพ รักษาสิ่งแวดล้อม 

ส่วนข้อเสนอเรื่องการช่วยกันแยกขยะ ตั้งแต่ในครัวเรือน โรงเรียน ชุมชน จะช่วยให้มีการคัดแยกขยะที่รีไซเคิล ออกจากขยะสดหรือขยะเปียก จะได้ช่วยให้นำขยะรีไซเคิลผลิตใหม่

และลดต้นทุนการเผาขยะได้อย่างดี  ส่วนประเด็นเสนอแนะจากท่าน สส. เรื่องการตั้งเงื่อนไขของคู่สัญญาจัดเก็บขยะ ก็เป็นเรื่องดี ที่เราจะช่วยกันตั้งมาตรฐานว่า

หากมาทำสัญญากับ กทม. ควรจะต้องมีการมาตรการวัดค่ามลพิษ ซึ่งควรจะบังคับใช้ได้จริง มีบทลงโทษ ไม่ใช่เพียงแค่การขอความร่วมมือ

ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจที่จะได้นำไปหารือกันต่อไป

ที่มา : https://www.posttoday.com/smart-city/720683